การเจียระไนเพชรเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ โดยการทำอย่างไรให้สูญเสียเนื้อเพชรน้อยที่สุดถือเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญอย่างมาก
ขณะเดียวกันการดูเพชรที่เป็นหลักสากลต้องใช้หลัก 4C ซึ่งประกอบด้วย Carat (น้ำหนักเพชร), Cut (การเจียระไน) ,Color (เฉดสีของเพชร) และ Clarity (ความสะอาดของเพชร) จะเห็นว่าการเจียระไนมีบทบาทถึง 1 ใน 4 ส่วน ในการที่จะทำให้เพชรมีราคาสูงขึ้น จึงถือเป็นศิลปะชั้นสูงอีกเช่นเดียวกัน
กำเนิดของการเจียระไนเพชร
การเจียระไนเพชรครั้งแรกของโลก เริ่มต้นโดยชาวเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1375 (พ.ศ.1918)
การเจียระไนเพชร มี 4 รูปแบบหลัก คือ
Brilliant -Cuts
ถือเป็นที่นิยมและเป็นรูปแบบสากลในตลาดการค้าขายเพชร เนื่องจากเป็นการเจียระไนที่สูญเสียเนื้อเพชรน้อยที่สุด และทำให้เพชรเล่นไฟได้สวยงามที่สุด
Brilliant -Cuts ถูกคิดค้นโดยร้าน Point Cut ร้านเจียระไนเพชรเจ้าใหญ่เจ้าแรกๆ ของโลก
การเจียระไนเพชรแบบ “บริเลี่ยน” ที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องนับหน้าตัดได้ 54 หน้า โดยนับรวมทั้ง Culet และ Table ด้วย และต้องให้ได้เหลี่ยมมุมตามแบบมาตรฐานสากล เพื่อให้เพชรเล่นไฟได้สวยงามที่สุด ขั้นตอนนี้จึงเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนและอาศัยความชำนาญในการเจียระไนเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดความผิดพลาดจากการเจียระไนเพชรเม็ดนั้นอาจก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่าหลายล้านบาทขึ้นได้
Step-Cuts
เป็นการเจียระไนแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีการเรียงตัวแบบขั้นบันได ส่วนมากจะนิยมเจียระไนมรกต มากกว่าเพชร จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เจียระไนแบบมรกต (Emerald Cut)
Mixed-Cuts
เป็นการเจียระไนผสมระหว่างเหลี่ยมเกสร (Brilliant cut) ซึ่งอยู่ด้านบนของเพชรและด้านล่างเป็นแบบขั้นบันได (Step cut)
Fancy-Cuts
เป็นการเจียระไนแบบใหม่ที่เรียกว่า “ออปติกซ์” ซึ่งทำให้เพชรมีแสงแวววาวทุกทิศทาง สวยงามมาก เพราะเวลาแสงหักเหผ่านด้านหน้าของเพชรจะเกิดการสะท้อนกลับหมดที่หน้าเจียระไนด้านข้างของส่วนล่างที่มีพื้นผิวโค้งและเกิดการสะท้อนกลับหมดอีกครั้ง จึงเห็นประกายแวววาวมากกว่าเพชรที่เจียระไนแบบอื่นๆ
การเจียระไนเพชรไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ล้วนต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์หลายปีเพื่อให้เพชรเม็ดดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ www.abovediamond.com หากสั่งแหวนเพชรที่นี่ รับรองมั่นใจได้ในความเชี่ยวชาญและชำนาญงาน จนทำให้คุณได้แหวนเพชรที่งดงามสมใจอย่างแน่นอน
